ชิสุ สุนัขสายพันธุ์ชิสุสามารถถูกนับเป็นหนึ่งในสุนัขที่มีสายพันธุ์ที่เก่าแก่มากที่สุดในโลกอีกสายพันธุ์หนึ่ง โดยตามประวัติภาพรวมจากผู้เชี่ยวชาญนั้นสุนัขสายพันธุ์ชิสุมีถิ่นต้นกำเนิดที่เริ่มมาจากในแถบของประเทศทิเบต และต่อก็ได้แพร่หลายเป็นสายพันธุ์สุนัขที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน และจุดเริ่มต้นของการตั้งชื่อสุนัขสายพันธุ์ชิสุ คือ Shi Tsu หากออกเสียงในภาษาตะวันตกจะเป็น ‘sheed-zoo’ หรือ ‘sheet-su’ แต่หากเป็นคนจีนจะออกเสียงว่า ‘sher-zer’ มีความหมายว่าสิงโตน้อย (Little lion) หรือสามารถไปพ้องกับความหมายที่ว่าเป็นสุนัขตัวเล็ก (Little dog) หรือจะเรียกรวมออกมาเป็น ‘Lion Dog’
ในประเทศจีน สุนัขสายพันธุ์ชิสุจะมีรูปร่างลักษณะภายนอกหรือลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงสุนัขสายพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese) เนื่องจากได้รับการผสมพันธุ์กับเข้าร่วมกับสุนัขสายพันธุ์ดังกล่าว และเนื่องจากความนิยมและความชอบของชาวจีน สุนัขสายพันธุ์สายพันชิสุจึงได้ถูกจัดให้เป็นสุนัขที่อยู่ในชนชั้นสูง และนับเป็นชนชั้นเดียวกันกับสุนัขสายพันธุ์ปักกิ่งและสุนัขสายพันธุ์ปั๊ก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสุนัขสายพันธุ์ชิสุจะถูกจัดเป็นสุนัขที่หรูหราที่สุดจากจักรพรรดิจีน โดยตามประวัติศาสตร์มีการกล่าวอ้างว่าได้มีพระจากประเทศทิเบตเลือกถวายสุนัขสายพันธุ์ชิสุนี้ให้แด่ทรงพระจักรพรรดิจีนเป็นของกำนัล จนหลังจากนั้นไม่นานสุนัขสายพันธุ์ชิสุก็ได้เป็นที่รู้จักทั้งนอกและในอาณาจักรจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 เป็นต้นมา
ในต่อมาจากการค้าขายและมีการและเปลี่ยนสินค้ารวมถึงวัฒนธรรมในอดีต สุนัขสายพันธุ์ชิสุจึงได้ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อความน่ารัก และเป็นการเริ่มเลี้ยงขยายเป็นวงกว้างในแถบทวีปยุโรป ได้แก่ ประเทศอังกฤษ และประเทศฝรั่งเศส ทำให้สุนัขสายพันธุ์ชิสุนั้นได้ความนิยมจากผู้เลี้ยงมากยิ่งขึ้น จนภายหลังสมาคม English kennel clubs ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีชื่อว่า ลาซา แอปโซ (Lhasa Apso) ซึ่งการขึ้นทะเบียนนั้นเพื่อบันทึกข้อมูลและสามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาเพิ่มเติมได้อีกด้วย หลังจากนั้นสุนัขสายพันธุ์ชิสุได้มีการถูกนักเพาะเลี้ยงนำไปพัฒนาลักษณะทางกายภาพ ซึ่งเป็นลักษณะที่มีประจำอยู่ในกรรมพันธุ์ของสายพันธุ์มากขึ้น ทำให้เกิดความแตกต่างและถูกทำให้มีการจดสายพันธุ์ขึ้นทะเบียนอีกครั้งเป็นสุนัขพันธุ์ชิสุ เพื่อจะได้เป็นการแยกออกจากสุนัขสายพันธุ์ยุโรป (ที่เป็นชื่อสายพันธุ์แบบเก่า) ออกอย่างชัดเจน และถูกนำมาเลี้ยงและเพาะพันธุ์ต่อยังที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้สุนัขสายพันธุ์ชิสุเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก
ชิสุ ลักษณะทางกายภาพของสุนัขสายพันธุ์นี้
สุนัขสายพันธุ์ชิสุจะมีลักษณะภายนอกหรือลักษณะทางกายภาพเป็นรูปร่างตัวเล็ก หน้า ปาก และจมูกที่สั้น มีดวงตาลึกดำสนิท และเนื่องจากมีใบหน้าที่แบนและสั้น ดังนั้นหลังจากที่น้องกินอาหารเสร็จ หรือกินน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ผู้เลี้ยงควรจะต้องทำทุกครั้งเลยคือการทำความสะอาดใบหน้าให้แห้งทุกครั้ง ป้องกันการทำให้เกิดการบ่มเพาะเชื้อราและทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อราขึ้นที่บริเวณใต้คาง และในส่วนของลำตัวหากวัดแล้วจะมีความยาวที่มากกว่าส่วนสูงของช่วงขาถึงลำตัว โดยจะมีความสูงเมื่อโตเต็มวัยจะสูงน้อยกว่า 10.5 นิ้ว โดยวัดจากพื้นถึงช่วงบนสุดของหัวไหล่ของน้อง (Withers) น้ำหนักเมื่อโตเต็มวัยจะอยู่เฉลี่ยประมาณ 4.5-7.3 กิโลกรัม ลักษณะของขน คือ จะมีขนยาวและเป็นขนนุ่มปกคลุมถึง 2 ชั้น และขนของชุสิจะเป็นขนตรงที่สามารถยาวออกมาได้เรื่อย ๆ จนลากพื้น หากเป็นเช่นนั้นของควรระวังเลยคือขนจะสกปรกได้ ซึ่งผู้เลี้ยงมักจะเลือกตัดขนให้สั้นจนกลายเป็นทรงที่เรียกว่า puppy cut ให้ง่ายต่อการเดินของน้อง และการทำความสะอาดขน และสิ่งสำคัญเลยคือควรแปรงขนให้น้องทุกวัน เน้นตรงบริเวณหู บริเวณหลัง และบริเวณหาง รวมทั้งพื้นที่ที่มีขนปกคลุมทั้งหมด
น้ำหนักระหว่าง 9 ถึง 16 ปอนด์ และยืนระหว่าง 8 ถึง 11 นิ้ว แข็งอย่างน่าประหลาดใจ สำหรับสุนัขที่มีขนาดเท่ากัน เสื้อโค้ทซึ่งมีหลายสี คุ้มกับเวลาที่คุณจะใส่ลงไป มีสุนัขเพียงไม่กี่ตัวที่สวยงามพอๆ กับชิห์สุที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ความน่ารักเป็นวิถีชีวิตของคนเจ้าเสน่ห์ที่มีชีวิตชีวาคนนี้ ชิสุเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความรักใคร่กับเด็กๆ เป็นพิเศษ ในฐานะที่เป็นสุนัขตัวเล็กที่ถูกเลี้ยงมาเพื่อใช้เวลาส่วนใหญ่ในวังหลวง พวกเขาสร้างสัตว์เลี้ยงที่ดีหากคุณอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรือไม่มีสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ สุนัขบางตัวอาศัยอยู่เพื่อขุดหลุมและไล่แมว แต่ความสนุกของชิห์สุคือการนั่งบนตักของคุณโดยทำตัวน่ารักเมื่อคุณพยายามดูทีวี

ลักษณะนิสัยของสุนัขสายพันธุ์ชิสุ
สุนัขสายพันธุ์ชิสุมักจะเป็นที่รู้จักว่าเป็นสุนัขที่มีความสดใสร่าเริง มีชีวิตชีวา เป็นมิตรกับทั้งผู้คนในครอบครัวและกับเด็ก เป็นสายพันธุ์ชอบการเดินเล่นเปรียบเหมือนการได้ไปผจญภัย และมีความกระตือรือร้น นอกจากนี้ชิสุเป็นสายพันธุ์ที่มีความใจเย็น มีความอดทนเหมาะแก่การใช้เพื่อฝึกฝน มีความยึดมั่น เป็นสุนัขที่ไม่ชอบเห่า สามารถเข้าได้ดีกับทุกคนที่พบเจอ แต่ในกรณีที่พบคนแปลกหน้าที่ท่าทางมีพิษภัย หรือมีสุนัขหรือสัตว์อื่นที่ไม่ปลอดภัยก็อาจมีการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว หรือมีการเห่าเพื่อขู่ในบางครั้ง
จากที่กล่าวมาว่าชิสุไม่มีนิสัยดุร้าย หรือก้าวร้าว ขนาดตัวก็เป็นขนาดทีไม่ใหญ่มาก นับเป็นสุนัขที่เหมาะสมที่จะเลี้ยงคู่กับเด็กเล็ก ทำให้สามารถนำมาเล่นเพื่อพัฒนาพัฒนาการของเด็กได้ ทำให้เด็กรู้สึกไม่เหงาเพราะมีน้องสุนัขเป็นเพื่อน และมีความสุขเพื่อได้เล่นด้วย
การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับสุนัขสายพันธุ์ชิสุ
สุนัขสายพันธุ์ชิสุ เป็นสุนัขที่มีความตื่นตัวตลอดเวลา จึงทำให้ชอบออกแรงและชอบเดิน ส่งผลให้เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ชอบออกกำลังกาย แต่เนื่องจากชิสุเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก มีการกินที่น้อยจึงไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายเป็นระยะเวลานาน เพียงแค่พาสุนัขให้เดินไวหรือวิ่งเล่น หรือหากเป็นการออกกำลังกายแบบจริงจังก็ให้วิ่งรอบสวนสาธารณะหนึ่งถึงสอรอบก็เพียงพอ แต่หากมีการเดินเล่นในช่วงเวลาที่เป็นอากาศร้อนหรือหน้าร้อน สิ่งที่ควรสังเกตเลยคืออาการของน้อง เพราะชิสมีการสร้างความร้อนภายในตัวไวมาก โอกาสที่จะเกิดผลเสียจากความร้อนจึงมี ฉะนั้นหากจะออกกำลังกายจะต้องคอยสังเกตอาการ สีหน้า และร่างกายของน้องให้ดี
